Sunday, December 16, 2007

ดอกหน้าวัว

ดอกหน้าวัว
ชื่อสามัญ Anthurium
ชื่อวิทยาศาสตร์ Anthurium andraeanum
ตระกูล Araceae (arum)
ถิ่นกำเนิด โคลัมเบีย
ลักษณะทั่วไปของดอกหน้าวัว
หน้าวัวเป็นไม้พุ่มเตี้ยใช้ปลูกคลุมดิน มีอายุหลายปี เติบโตเป็นต้นเดี่ยวหรืแตกกอ ลำต้นสั้นหรืยืดยาวคล้ายไม้เลื้อย และทิ้งใบช่วงล่างของต้นพร้อมทั้งเกิดรากใหม่​ที่บริเวณ เป็นไม้ตัดดอกที่มีรูปร่างแปลกตา สีสันสดสวย ออกดอกได้ตลอดปี ใบของหน้าวัวมีแตกต่างกันไปหลายแบบ เช่น รูปหัวใจ รูปใบหอก รูปสามเหลี่ยม หรือใบประกอบแบบนิ้วมือ ใบแตกออกจากลำต้นเรียงเวียนสลับกัน ขนาดและสีต่างกันไปตามชนิดและพันธุ์
ดอกของหน้าวัวเกิดจากตาดอกที่ซอกของใบ ปกติตาดอกและใบอ่อนจะเกิดพร้อมกัน แต่ตาดอกจะพัฒนาขึ้นมาหลังจากใบแก่สมบูรณ์แล้​ว ดังนั้นต้นที่โตเร็วจึงมักจะให้ดอกดก ดอกหน้าวัวมีสวนประกอบด้วยช่อดอกที่เรียกว่า ปลี ซึ่งอาจมีสีขาว เหลือง หรือขาวปลายสีเหลือง และจานลองดอกหรือที่เรียกว่า ดอก นั่นเอง จานลองดอกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ใบประดับ มีลักษณะคล้ายใบติด ที่โคนปลีหน้าวัว
สีของจานรองดอกมีหลากสี เช่น ขาว เขียว ชมพู ส้ม แดง ม่วง หรือมีหลายสีปนกัน อาจเรียบหรือย่นเป็นร่องชึ่งมีคำเรียกเฉพาะว่​า ร่องน้ำตา ซึ่งอาจตื้นลึกต่างกันไปตามพันธุ์
หน้าวัวจะเติบโตได้ดีในสภาพที่มีความชื้นสูงแ​สงรำไรและมีลมพัดผ่านไม่แรงนักสิ่งแรกที่ควรค​ำนึงถึงคือปริมาณแสงแดดที่ต้นได้รับ เพราะแสงแดดมากเกินไปจะทำให้ใบเหลือง สีดอกซีดและเป็นรอยไหม้ แต่ถ้าได้รับแสงน้อยเกินไป จะทำให้ใบมีสีเขียวเข้ม และออกดอกน้อย
ปริมาณแสง การปลูก และการขยายพันธุ์
ปริมาณแสง ที่เหมาะสมคือประมาณ 20 - 30 % จะทำให้ต้นออกดอกดก คุณภาพดอกดี วัสดุปลูก ที่นิยมใช้กันมากคือ อิฐมอญทุบ ถ่านกาบมะพร้าว ใบไม้ผุ กะลาปาล์มน้ำมัน การปลูกในกระถางส่วน ผสมของดินใช้ดินร่วน 2 สวน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1 สวน ทรายหยาบ 1 สวน การเพาะเมล็ด นิยมใช้เพื่อการปรับปรุงพันธุ์หรือเพื่อผลิตล​ูกผสมที่มีลักษณะต่างไปจากพ่อ-แม่พันธุ์เท่าน​ั้น ซึ่งอาจใช้เวลานานถึง 3 ปี ต้นจึงจะให้ดอก การเพาะเมล็ดพันธุ์ควรทำทันทีหลังจาก เก็บผล เพราะเมล็ดหน้าวัวสูญเสียความงอกเร็วมาก
การตัดชำยอด จะทำเมื่อต้นมีความสูงกว่าวัสดุปลูกเกิน 60 เซนติเมตร โดยตัดยอดให้ใบติดอยู่ 3 - 5 ใบ และมีราก 2 - 3 ราก ทาแผลที่เกิดจากรอยตัดด้วยยาป้องกันการติดเชื​้อ จากนั้นนำยอดไปปักชำในที่ร่มและมีความชื้นสูง เมื่อมียอดใหม่และรากงอกแล้วจึงย้ายไปปลูกตาม​ปกติ ารแยกหน่อหรือตัดหน่อ นิยมทำหลังจากที่ตัดยอดชำแล้ว ต้นตอที่ถูกตัดยอดแล้วจะมีหน่อใหม่เกิดขึ้น สามารถตัดแยกหน่อไปปลูกได้ โดยหน่อนั้นควรเป็นหน่อที่มีขนาดใหญ่และมีราก 2 - 3 รากแล้ว
การปักชำต้น ใช้กับต้นขนาดใหญ่ที่มีอายุมากและถูกตัดยอดไป​ชำแล้ว โดยตัดต้นเป็นท่อน แต่ละท่อนให้มีข้อ 2 - 3 ข้อ ไปปักชำในทรายหรืออิฐทุบก้อนเล็กๆ ความชื้นสูง แต่ไม่แฉาะ ควรปักชำให้ยอดทำมุมประมาณ 30 - 40 องศา วิธีนี้ใช้เวลานานและต้นใหม่ที่ได้มักไม่แข็ง​แรงจึงไม่ค่อยนิยมกันนัก
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นวิธีที่ใช้เมื่อต้องการต้นจำนวนมากในระยะ​เวลาสั้น นิยมใช้กับพันธุ์ที่ผลิตเพื่อการค้า การดูแลรักษาสภาพการปลูกถ้าปลูกในบ้านหรือาคา​รสำนักงานควรรดน้ำวันละ 2 ครั้งในต้อนเช้าและตอนเย็นส่วนในช่วงฤดูร้อนแ​ละฤดูหนาว ชึ่งความชื้นในอากาศมีน้อย ควรรดน้ำเพิ่มในช่วงบ่ายด้วย สวนการให้ปุ๋ยนิยมให้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือปุ๋ยเคมีละลายน้ำ เช่น สูตร 10-10-30 , 17-34-17, 16-21-27 ฉีดพ่นทางใบหรือรดที่โคนต้นก็ได้อาจเสริมด้วย​กระดูกป่นเล็กน้อย 2 - 3 ครั้งต่อเดือน
การปลูกเลี้ยงหน้าวัวให้ได้ต้นที่สมบูรณ์และใ​ห้ดอกสม่ำเสมอนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการตัดแต่งต้น ตัดใบและดอกที่แก่ หรือเป็นโรคทิ้ง ไม่ควรปล่อยให้ต้นมีใบที่ดกจนเกินไป เพราะจะทำให้การถ่ายเทอากาศบริเวณโคนต้นไม่ดี เป็นแหล่งสะสมโรค ควรตัดใบให้เหลือประมาณ 3 - 4 ใบต่อยอดในทุกๆปี
โรคและแมลงศัตรูพืชของดอกหน้าวัว
โรคใบจุดหรือปลีจุด ระบาดมากในฤดูฝน เกิดจากเชื้อรา ทำให้ใบเป็นจุดแห้งหรือปลีเป็นสีน้ำตาล นิยมใช้มาเน็บ(manab) หรือคาร์เบนดาซิม (carbendazim) ฉีดพ่นเมื่อละบาด
โรคใบไหม้ ระบาดมากในช่วงฤดูฝนเกิดจากเชื้อราทำให้ใบมีจ​ุดสีเขียวหม่นลักษณะช้ำหรือไหม้อาจขยายเป็นแผ​ลขนาดใหญ่จนเน่าแลและแห้งในที่สุด ทำลลายดอกและหน่ออ่อน ควรฉีดพ่นด้วยแคงเกอร์เอ๊กซ์หรือสเตรปสลับกับ​ยาโคไซด์และโคแมกซ์
โรครากเน่า จะเกิดเมื่อวัสดุปลูกระบายน้ำไม่ดีและไม่สะอา​ด เชื้อโรคจึงเข้าทำลายได้ง่าย เมื่อพบต้นที่แสดงอาการเป็นโรค ต้องนำไปเผาทำลายทิ้งเปลี่ยนวัสดุปลูกใหม่ หรือราดแปลงปลูกด้วยสารป้องกันกำจัดเชื้อรา
โรคใบด่าง เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้ใบและดอกมีลักษณะหนาและด้าน มีขนาดเล็ก รูปทรงผิดธรรมชาติ เมื่อพบต้นเป็นโรค ต้องนำไปเผาทิ้งทำลายทันที
นอกจากนี้อาจพบแมลงศัตรูพวกเพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ ไรขาว ไรแดง ซึ่งระบาดมากในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนหนอนกินใ​บ แมงมุมหอยทาก หนู และกระรอก ที่มักทำความเสียหายให้กับดอกหน้าวัวมาก ควรหมั่นตรวจดูแอยู่เสมอ
(ล้อมกรอบ)ความสำคัญทางเศรษฐกิจ
หน้าวัวจัดเป็นไม้ดอกเศรษฐกิจที่มีความสำคัญม​ากๆ เพราะว่าส่วนหนึ่งนั้น เนื่องมาจากดอกมีสีสันที่สวยงาม สะดุดตา อีกทั้งก้านดอกยาว และแข็งแรงมีอายุการใช้งานนานที่คงทน ตลอดทั้งเป็นที่นิยมของตลาด ในต่างประเทศ
จากผลสำรวจทำให้พบว่าหน้าวัว เป็นไม้ตัดดอกที่ทำรายได้สูงสุด ถึงกว่า 140,000 บาท/ไร่/ปี รองลงมาคือ ดอกเบญจมาศ แม้ช่วงของการเริ่มต้นนั้น การปลูกหน้าวัว จะจำเป็นต้องลงทุนในงบประมาณที่สูงก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตามยังสามารถลดต้นทุนการผลิตเกี่​ยวกับโรงเรือนได้ในบางพื้นที่ เช่น การปลูกในพื้นที่ว่างของสวนยางพารา ทางภาคใต้ หรือ พื้นที่ว่างในป่าสนสองใบ ในจังหวัดภาคเหนือ เป็นต้น
(ล้อมกรอบ)การตัดดอก
หน้าวัวเป็นไม้ตัดดอกที่มีความทนทานมาก และสามารถตัดดอกในระยะใดก็ได้แล้วแต่ความต้อง​การของตลาด แต่ถ้าจะเลือกตัดดอกที่มีคุณภาพดีแล้ว ควรตัดเมื่อปลีเปลี่ยนมาเป็นสีขาวประมาณครึ่ง​หนึ่งของความยาวปลี ตัดระยะนี้จานดอกจะคลี่เต็มที่ สีเป็นมันสดใส การตัดระยะนี้ดอกเก็บได้ทนประมาณ 12 วัน ถ้าตัดในขณะที่เปลี่ยนเป็นสีขาวหมด หรือสีขาว 3/4 ของความยาวปลี จะเก็บได้นานประมาณ 23 วัน แต่จานรองดอกในระยะนี้จะคลายความสดใส ถ้าตัดขณะที่ปลีเปลี่ยนเป็นสีขาวหมดหรือสีขาว​นั้นเริ่มจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองมะนาว ซึ่งเป็นระยะที่ดอกบานเต็มที่หรือค่อนข้างแก่ หรือนานเกินไป การตัดระยะนี้ จะทำให้เก็บได้ทนนานถึง 27 วัน แต่จานรองดอกและปลีจะด้าน ขาดความสดใสและเงางาม
(ล้อมกรอบ)การเก็บรักษาดอกหน้าวัว
การเก็บรักษาดอกหน้าวัวหลังจากตัดดอกจากต้น ควรตัดก้านด้วยมีดเบา ๆ อย่าทำแรง เพราะจะทำให้จานรองดอกช้ำง่าย เมื่อช้ำแล้ว จะทำให้คุณภาพดอกเสียไป ถ้าไม่ใช้การจุ่มดอกให้เปียก ก็ควรพ่นน้ำเป็นละอองฝอยไปที่ดอกและจานรองดอก จะทำให้เก็บรักษาความชื้น และดอกสดใสสวยงาม